กรณีพิพากกับกัมพูชาของรัฐบาลชุดนี้อาจถึงขั้นเปิดศึกกัน จากการติดตามข่าวโล่งอกไปเปราะหนึ่้งว่าคงไม่เกิด จะใช้การเจรจาเป็นด้านหลัก ยินดีด้วย เป็นหนทางที่ถูกต้องแล้ว ถ้าใช้กำลังตัดสินปัญหาด้วยความอหังการ์ของบางคน รังแต่จะได้ไม่คุ้มเสีย อย่าลืมการใช้กำลังตัดสินเหมือนเล่นสงกรานต์ เปียกทั้งสองฝ่าย สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล กรวุฒิอยากนำเสนอบทเรียนจากการรบในอดีตเพื่อเตือนสติดังนี้

1. กรณีการต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ห้วงปี 08 - 25 เป็นการฆ่ากันเองของคนไทย ไม่มีใครแพ้ใครชนะและยุติด้วยการเจรจาโดยใช้นโยบาย 66 / 23 ผลการต่อสู้กันด้วยอาวุธ สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล บรรยากาศในห้วงการต่อสู้เต็มไปด้วยคราบเลือดและน้ำตาของคนไทยด้วยกันเอง

2. กรณีบ้านร่มเกล้า เปิดศึกกับลาว ในห้วงการรบช่วงสั้น ๆ สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเท่าที่ประเมินประมาณ 3 พันล้านบาท  จบลงด้วยการเจรจาเช่นกัน

3. กรณีจังหวัดชายแดนภาคใต้ ห้วงตั้งแต่มีการปล้นปืน กองพันพัฒนาที่ 4 บ้านปิเหลง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาศ เมื่อ 4 ม.ค. 47 - ปัจจุบัน มีผู้บาดเจ็บและล้มตายร่วมหมื่น สูญเสียงบประมาณไปเป็น แสนล้าน

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของบทเรียนจากการรบ เพื่อเตือนสติอย่าได้ริก่อสงคราม เพราะจะทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล ในขณะที่ประเทศไทย มีแต่ กู้ กู้ และ กู้ ! จะเอางบประมาณจากไหนไปทำสงคราม? อีกอย่างศึกษาให้ดีว่ากัมพูชาเขามีมิตรประเทศใครบ้าง ที่แน่ ๆ มีเวียดนามและจีน ไทยเราหล่ะ ... มีแต่ศัตรูรอบบ้าน จงไตร่ตรองให้จงหนัก

1 ความคิดเห็น

  1. song lyrics  
    ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก: ส่งความคิดเห็น (Atom)