พลันที่ดอกพิกุลร่วงจากปากว่า "ผมพอแล้ว" ค้านกับวลีที่ "ผมไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง" แต่เป็นนายก 8 ปี ไม่ยอมลงเลือกตั้ง พอน้าชาติเป็นนายกพร้อมประกาศว่า "จะทำสนามรบให้เป็นสนามการค้า" แต่วันนี้รัฐบาลนี้จะทำสนามการค้าเป็นสนามรบเพราะมีพฤติกรรมเป็นศัตรูกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะประเทศกัมพูชา พฤติกรรมเป็นอย่างไร ทั้งสื่อหลัก สื่อทางเลือก นำเสนอไปแล้ว พฤติกรรคอาจได้ไม่คุ้มเสีย รองพิจารณาดู
ประการหนึ่ง หาว่ากัมพูชาแทรกแทรงประเทศไทย กรณีแต่งตั้งท่านทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะนายกทักษิณหนีคดีและเป็นนักโทษที่ทางการไทยต้องการตัว โดยกล่าวว่ากัมพูชาไม่เคารพกฏหมายไทย แต่ถ้ากัมพูชาถามกลับว่า "ประเทศไทยเคารพกฏหมายศาลโลกหรือเปล่า กรณีศาลตัดสินให้เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ตั้งแต่ 2545"
ประการที่สอง กัมพูชามีนักธุรกิจไทยไปลงทุนเท่าไหร่ น่าจะหลายแสนล้าน ประเทศอื่นเช่นมาเลเซีย สิงคโปร์ จีน เวียดนาม ฯลฯ เขาไปลงทุนเท่าไหร่ ? แม้แต่พม่า พอรัฐบาลไทยไปกล่าวโจมตี ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ บินไปพม่าทันที เพราะเขาลงทุนที่นั่น! นี่มันโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ไม่ใช่ยุคกรุงศรีอยุธยา!! จะทำอะไรกับประเทศเพื่อนบ้านคิดให้จงหนัก อย่าซื่อบื้อนัก!
ประการที่สาม ต้องเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน คำว่าศักดิ์ศรีของประเทศ ไม่มีใครยอมใคร อย่าลืม กัมพูชาเขาก็มีมิตรประเทศ ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาได้ทำสนธิสัญญากับประเทศอะไรบ้าง กรณีถูกรุกรานจากศัตรูนอกประเทศ ในอดีตมีทั้งจีนและเวียดนามเป็นพี่เบิ้ม
ประการสุดท้าย ทุกประเทศเขาจะมองผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก การเป็นศัตรูกับประเทศเพื่อนบ้านเขาจะหลีกเลี่ยงเพราะได้ไม่คุ้มเสีย เขาจะใช้หลัก "น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก" ลองนำไปใช้ดู น่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
กล่าวโดยสรุป ถ้าทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ การทำสนามการค้า ให้เป็นสนามรบมิใช่หรือ!
ประการหนึ่ง หาว่ากัมพูชาแทรกแทรงประเทศไทย กรณีแต่งตั้งท่านทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะนายกทักษิณหนีคดีและเป็นนักโทษที่ทางการไทยต้องการตัว โดยกล่าวว่ากัมพูชาไม่เคารพกฏหมายไทย แต่ถ้ากัมพูชาถามกลับว่า "ประเทศไทยเคารพกฏหมายศาลโลกหรือเปล่า กรณีศาลตัดสินให้เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ตั้งแต่ 2545"
ประการที่สอง กัมพูชามีนักธุรกิจไทยไปลงทุนเท่าไหร่ น่าจะหลายแสนล้าน ประเทศอื่นเช่นมาเลเซีย สิงคโปร์ จีน เวียดนาม ฯลฯ เขาไปลงทุนเท่าไหร่ ? แม้แต่พม่า พอรัฐบาลไทยไปกล่าวโจมตี ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ บินไปพม่าทันที เพราะเขาลงทุนที่นั่น! นี่มันโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ไม่ใช่ยุคกรุงศรีอยุธยา!! จะทำอะไรกับประเทศเพื่อนบ้านคิดให้จงหนัก อย่าซื่อบื้อนัก!
ประการที่สาม ต้องเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน คำว่าศักดิ์ศรีของประเทศ ไม่มีใครยอมใคร อย่าลืม กัมพูชาเขาก็มีมิตรประเทศ ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาได้ทำสนธิสัญญากับประเทศอะไรบ้าง กรณีถูกรุกรานจากศัตรูนอกประเทศ ในอดีตมีทั้งจีนและเวียดนามเป็นพี่เบิ้ม
ประการสุดท้าย ทุกประเทศเขาจะมองผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก การเป็นศัตรูกับประเทศเพื่อนบ้านเขาจะหลีกเลี่ยงเพราะได้ไม่คุ้มเสีย เขาจะใช้หลัก "น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก" ลองนำไปใช้ดู น่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
กล่าวโดยสรุป ถ้าทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ การทำสนามการค้า ให้เป็นสนามรบมิใช่หรือ!
7 พฤศจิกายน 2552 เวลา 08:40
เรื่องที่หนึ่ง การที่นายกกัมพูชาจะตั้งใครเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องภายในประเทศของกัมพูชาและเป็นสิทธิที่นายกกัมพูชาจะกระทำได้ ไม่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงประเทศไทยที่ตรงไหน เปรียบเทียบกับกรณีที่นายกไทยคนปัจจุบันยังแต่งตั้งบุคคลที่ขึ้นเวทีพันธมิตรไปเป็นรมต.และที่ปรึกษาทางการเมืองเลย
เรื่องที่สอง ทางพม่ามีการทำธุรกิจกับทางสิงคโปร์ก็เป็นเรื่องจริง อย่างเช่นน้ำอัดลมยี่ห้อcokeที่ขายในห้างของพม่ายังเป็นของที่นำเข้าจากสิงคโปร์เลย ไม่ได้มาจากไทย อาจจะเพราะสามารถขนส่งโดยตรงทางทะเลได้คราวละมากๆซึ่งสะดวกและประหยัดค่าขนส่งเป็นอันมาก
8 พฤศจิกายน 2552 เวลา 19:37
โอ้ย---ยังจะบ้าไปใหญ่