การที่นายอภิสิทธิ์เลือกคบท่านผู้เฒ่าเพราะเป็นคุณต่อนายอภิสิทธิ์ ใหญ่หลวงนัก แต่พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นนายกของประชาชนทุกเพศทุกวัย ที่เลือกคบผู้เฒ่าเพราะ
1. ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านผู้เฒ่าที่ว่าถึงเอ่ยปากชมว่า "โชคดีของประเทศทไทยที่ได้นายอภิสิทธิ์เป็นนายก" ผู้เฒ่าจะว่าอย่างไร ผลักดันจนได้เป็นนายกเข้าบริหารประเทศจนประเทศชาติจะล่มจม ท่านผู้เฒ่าต้องรับผิดชอบด้วยเพราะท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและผลักดัน
2. ยายเนียม ฯ ชาวอำเภอม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี มั่นด้วยแหวนทองเหลืองให้เป็นเขยชาวอีสาน เสียดายยายเนียมด่วนจากโลกไปก่อน ไม่ได้ชื่นชมเขยอีสานเป็นนายก สมใจอยากคุณยายเนียม
3. ยายไฮ ขันจันทรา ชาว อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี ท่านนายกทักษิณเคยช่วยเหลือไปครั้งหนึ่งมากกว่า 20 ล้าน ท่านนายกอภิสิทธิ์ยังอุตส่าห์ยัดเยียดให้อีกเกือบ 5 ล้าน เพื่อซื้อใจคนอีสาน แต่สงสัยอาจกินแห้ว เพราะฝนตกไม่ทั่วฟ้า คนเดือดร้อนเหมือนยายไฮมีนับพันคน คนเหล่านี้คงไม่พอใจแน่ ๆ
4. ยายเหม็ง ยารักษ์ หมอบแหวนทองคำหนักหนึ่งสลึงให้ด้วยความศรัทธา อาจผิดรัฐธรรมนูญเพราะราคาแหวนเกิน 3,000 บาท แน่นอน ไม่เป็นไร .. มีทนายแก่ต่างให้อยู่ คือ คุณวิชา มหาคุณ ไง ออกรับแทนทันที ช่างโชคดีเสียนี่กระไร
เฒ่าสี่สหาย คงเป็นคุณต่อท่านนายกอภิสิทธิ์ เป็นแม่นหมั้น บุญคุณครั้งนี้เกินจะบรรยาย มีโอกาสท่านนายกอภิสิทธิ์ต้องตอบแทนพระคุณ อย่าได้ขาดตกบกพร่อง แต่กรวุฒิห่วงแต่ผู้เฒ่าตามข้อ 1 ตั้งแต่ผลักดันนายอภิสิทธิ์ให้เป็นนายกถูกประชาชนที่รักประชาธิปไตย ออกมาต่อต้านขับไล่ กร่นด่าไม่เว้นแต่ละวัน ต้องเร่ร่อนหลบภัยน่าเห็นใจจริง ก็อย่างว่าครับ อย่าคบเด็กสร้างบ้าน เพราะเป็นอย่างนี้แหละ ต้องทำใจนะครับท่านผู้เฒ่า
1. ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านผู้เฒ่าที่ว่าถึงเอ่ยปากชมว่า "โชคดีของประเทศทไทยที่ได้นายอภิสิทธิ์เป็นนายก" ผู้เฒ่าจะว่าอย่างไร ผลักดันจนได้เป็นนายกเข้าบริหารประเทศจนประเทศชาติจะล่มจม ท่านผู้เฒ่าต้องรับผิดชอบด้วยเพราะท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและผลักดัน
2. ยายเนียม ฯ ชาวอำเภอม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี มั่นด้วยแหวนทองเหลืองให้เป็นเขยชาวอีสาน เสียดายยายเนียมด่วนจากโลกไปก่อน ไม่ได้ชื่นชมเขยอีสานเป็นนายก สมใจอยากคุณยายเนียม
3. ยายไฮ ขันจันทรา ชาว อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี ท่านนายกทักษิณเคยช่วยเหลือไปครั้งหนึ่งมากกว่า 20 ล้าน ท่านนายกอภิสิทธิ์ยังอุตส่าห์ยัดเยียดให้อีกเกือบ 5 ล้าน เพื่อซื้อใจคนอีสาน แต่สงสัยอาจกินแห้ว เพราะฝนตกไม่ทั่วฟ้า คนเดือดร้อนเหมือนยายไฮมีนับพันคน คนเหล่านี้คงไม่พอใจแน่ ๆ
4. ยายเหม็ง ยารักษ์ หมอบแหวนทองคำหนักหนึ่งสลึงให้ด้วยความศรัทธา อาจผิดรัฐธรรมนูญเพราะราคาแหวนเกิน 3,000 บาท แน่นอน ไม่เป็นไร .. มีทนายแก่ต่างให้อยู่ คือ คุณวิชา มหาคุณ ไง ออกรับแทนทันที ช่างโชคดีเสียนี่กระไร
เฒ่าสี่สหาย คงเป็นคุณต่อท่านนายกอภิสิทธิ์ เป็นแม่นหมั้น บุญคุณครั้งนี้เกินจะบรรยาย มีโอกาสท่านนายกอภิสิทธิ์ต้องตอบแทนพระคุณ อย่าได้ขาดตกบกพร่อง แต่กรวุฒิห่วงแต่ผู้เฒ่าตามข้อ 1 ตั้งแต่ผลักดันนายอภิสิทธิ์ให้เป็นนายกถูกประชาชนที่รักประชาธิปไตย ออกมาต่อต้านขับไล่ กร่นด่าไม่เว้นแต่ละวัน ต้องเร่ร่อนหลบภัยน่าเห็นใจจริง ก็อย่างว่าครับ อย่าคบเด็กสร้างบ้าน เพราะเป็นอย่างนี้แหละ ต้องทำใจนะครับท่านผู้เฒ่า
13 ตุลาคม 2552 เวลา 06:08
ทั้งหมดทุกข้อเป็นการสร้างภาพทั้งสิ้น เพราะจะเห็นได้ว่านำเอาแต่ที่ทำให้กับผู้สูงอายุที่ยากจนบ้าง มีหนี้สินบ้าง อยู่ต่างจังหวัดห่างไกลและเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสารของสื่ออินเตอร์เน็ท รับแต่สื่อด้านเดียวของรัฐบาลก็จะถูกหลอกง่ายๆอย่างนี้แหละ หารู้ไม่ว่านายกคนนี้หน้าเนื้อใจเสือจะตาย ไม่งั้นจะสั่งทหารมายิงประชาชนเมื่อวันสงกรานต์ได้ไง คนดีๆมีใจเป็นธรรมและมีความเมตตา ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก
13 ตุลาคม 2552 เวลา 18:37
ในประเทศไทยคนยังไม่ชอบคิด วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ และชอบใช้อารมณืและความรู้สึกส่วนตัวมากกว่าใช้เหตุผล ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น อย่างกรณีของยายไฮ นายกไม่ต้องลงทุนให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายที่มาจากภาษีของประชาชนด้วยการนั่งเฮริคอปเตอร์ไปแจกเงินเองก็ได้ แค่โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของยายไฮก็ทำได้ แต่ทำไมไม่ทำก็เพราะอยากจะสร้างภาพแค่นั้นเอง เพราะถ้าอยากจะช่วยก็ต้องช่วยทุกคนที่เดือดร้อนเหมือนยายไฮอย่างที่คุณว่าไว้ในข้อ3 และคนไทยส่วนหนึ่งก็มีนิสัยขี้อิจฉาเห็นใครมีการศึกษากว่า ร่ำรวยกว่าหรือมีความสุขสบายกว่าก็จะทนไม่ได้ อย่างกรณีดร.ทักษิณที่โดนหลายฝ่ายรุมโจมตี ส่วนหนึ่งก็ไม่ได้ใช้เหตุผลเท่าไหร่ แต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัว ที่เข้าใจและกล้าพูดได้เช่นนี้เพราะโดนมาแล้วเหมือนกันจึงเข้าใจดี เดี๋ยวนี้เลยว่าจะไม่ไปแสดงความคิดเห็นที่อื่นแล้ว บอกไปก็โดนด่าไม่ได้อะไรขึ้นมา แถมเสียความรู้สึกเปล่าๆ ปล่อยให้คนโง่พวกนั้นถูกสื่อหลักหลอกและหลงตัวเองว่าฉลาดแล้วต่อไป ช่างน่าสงสารและน่าสมเพชจริงๆ อีกหน่อยอาจจะต้องไปอยู่ต่างประเทศเหมือนดร.จักรภพหรือคนรู้จักที่ไปอยู่ต่างประเทศกันหลายคน ตั้งแต่มีม๊อบพธม.และเปลี่ยนรัฐบาลเป็นปชป.
13 ตุลาคม 2552 เวลา 18:47
แต่บางครั้งการศึกษาสูงก็ไม่ได้ช่วยให้คนหลายคนฉลาดขึ้นเท่าไหร่ ถ้าใช้อคติส่วนตัวและอาศัยว่ามีสื่ออยู่ในมือ ก็ใช้ความรู้สึกส่วนตัวทำลายคนที่ตนเองเกลียดโดยไม่ใช้เหตุผล จึงไม่ควรไปเสียเวลาบริโภคสื่อหลักที่ทำงานด้วยวิธีนั้น ที่ยอมตัวเป็นสุนัขรับใช้นักการเมืองเพียงเพราะตัวเองชอบบ้าง หรือได้ผลประโยชน์ตอบแทนบ้าง ไม่มีการวิเคราะห์ข่าวแค่รายงานว่า ใครทำอะไรที่ไหน แค่นั้นไม่เพียงพอแต่สื่อหลักชอบทำอย่างนี้เนื่องจากง่ายดี ไม่ต้องไปนั่งวิเคราะห์ให้มันยากหรือบางทีก็วิเคราะห์ไม่เป็นด้วยซ้ำ ก็เป็นกรรมของประชาชนอีกเหมือนกันที่ไม่มีสื่ออื่นให้เลือกดู
13 ตุลาคม 2552 เวลา 19:01
คนอเมริกันจะไม่โดนจูงจมูกได้ง่ายๆเพราะเข้ามีสื่อที่หลากหลายให้เลือกดู ไม่ได้เหมือนสื่อหลักของไทยที่รายงานข่าวเหมือนกันทุกช่อง อย่างนี้จะมีหลายช่องไปทำไมถ้ารายงานเหมือนกันก็มีมันซะช่องเดียวเลยจะได้ประหยัดงบประมาณจากภาษีประชาชน แล้วเอางบไปทำอย่างอื่นที่สร้างสรรกว่า รัฐบาลบางครั้งยังใช้เงินผิดประเภทเช่นนำเงินที่ได้จากภาษีสรรพษามิตร2000ล้านบาท ไปให้เป็นค่าใช้จ่ายของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ซึ่งคนที่เสียภาษีสรรพษามิตรอาจไม่ได้อะไรตอบแทนเสียภาษีไปฟรีๆเนื่องจากไม่ได้ดูทีวีช่องนั้น แต่คนที่ได้ประโยชน์ดูทีวีช่องนั้นอาจจะไม่ได้เคยเสียภาษีเหล้าบุหรี่เลย เพราะไม่ได้ดื่มหรือสูบ อย่างนี้เรียกว่าคนที่ดื่มกับสูบบุหรี่ถูกรัฐไถเงินไปใช้โปรโมทตัวเองฟรีๆโดยให้ประชาชนออกเงินแทน ทุเรศจริงๆช่างทำไปได้
13 ตุลาคม 2552 เวลา 19:08
ต้องขอบคุณblogนี้ที่เหมือนกับให้เป็นที่ระบายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็น ก็คิดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ซึ่งกันและกันก็แล้วกัน คุณกรวุฒิขยันกว่าพวกสื่อที่มีหน้าที่โดยตรงแต่บางครั้งก็ไม่ได้เจาะลึกอะไรมากมาย แค่ทำงานเหมือนคนมีอาชีพขายข่าวหากินหรือหากินกับข่าวแค่นั้นเอง ไม่ได้มีอุดมการณ์ที่ควรจะมีของคนทำหน้าที่สื่อเลย แถมบางครั้งมาดูถูกประชาชนที่มีความเห็นต่างเสียอีก ซึ่งสื่อที่ดีเขาไม่ทำกัน
13 ตุลาคม 2552 เวลา 19:59
ประชาชนที่ประกอบอาชีพอื่นส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพของบุคคลากร แต่คนที่ทำอาชีพสื่อกลับถอยหลังเข้าคลอง ทำงานง่ายกว่าเดิมมากแถมได้เงินเยอะกว่าเดิมอีก เพราะได้เงินจากการโฆษณาสินค้าแต่ลงทุนต่ำมากแค่ซื้อหนังสือพิมพ์ มาอ่านให้ฟัง อย่างนี้ไม่ต้องให้คนเรียนจบปริญญามาทำงานก็ได้แค่หน้าตาพอดูได้ เสียงพอใช้ก็ทำงานสื่อหลักได้แล้ว หากินง่ายๆแบบนี้เอง วิเคราะห์ข่าวก็ไม่ต้องวิเคราะห์เอง แล้วอย่างนี้ประชาชนที่บริโภคสื่อเหล่านั้นจะได้อะไร ก็แค่รู้ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหนและ เมื่อไหร่ แค่นั้นเอง ไม่รู้เหตุรู้ผลว่าคนที่อยู่ในข่าวทำไปด้วยเหตุผลใด ทำไมถึงต้องทำ ถ้าไม่ทำแล้วจะเป็นอย่างไร และมีอะไรลึกๆอยู่เบื้องหลัง