1. เห็นนักการเมืองออกมาโต้ตอบกัน เรื่องการถือครองที่ดินแล้ว รู้สึกสงสารประชาชนตาดำ ๆ จะหาที่ทำกินสักผืน บางคนไม่มีเลย ต้องเช่าที่เขาทำกิน เช่น เช่าที่นา เช่าไร่ปลูกพืช เป็นต้น ปีไหนฝนตกต้องตามฤดูกาล ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ผลิตผลได้ตามต้องการ ก็พอลืมตาอ้าปากได้ ปีไหนฝนตกน้อย ผลิตผลตกต่ำ สิ่งที่ตามมา รายได้จากผลิตผลไม่พอค่าเช่า นี่แหละคือทุกข์ของชาวนา ชาวไร่
  2. หันมามองนักการเมือง มีที่ดินทำกิน เป็นร้อยเป็นพันไร่แล้ว ทำไมช่องว่างมันห่างไกลกันเหลือเกิน ระหว่างนักการเมืองกับชาวไร่ ชาวนา ใครจะทำให้ช่องว่างเหล่านี้ใกล้เคียงกันบ้าง อาศัยนักการเมืองที่มีหน้าที่รับผิดชอบบริหารประเทศในยุคนี้คงยาก คงชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ประชาชนตาดำ ๆ หาเช้ากินค่ำ ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็คง โง่ จน เจ็บ ต่อไป จริงไหมครับท่านการเมืองทั้งหลาย
  3. ที่สปก. 4-01 ที่เป็นผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต ไม่ทราบว่าตกถึงมือประชาชนกี่รายกันแน่ครับ หรือผันไปอยู่ที่นักการเมือง และนายทุนหมดแล้ว อยากให้ผู้ที่รับผิดชอบ เปิดเผยตัวเลขให้สังคมได้รับทราบว่า ไปอยู่กับนักการเมือง , นายทุนกี่ราย และประชาชนกี่ราย อยากให้รัฐมนตรีมหาดไทย ช่วยตรวจสอบที่สปก. 4-01 ด้วยครับ นอกเหนือจากที่สาธารณะที่นักการเมืองถือครองอยู่ จะเป็นพระคุณยิ่ง

  1. พันธมิตร ฯ ควรปล่อยให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบริหารประเทศต่อไป เพราะได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน อย่าชุมนุมสร้างความวุ่นวายอีกต่อไป เพราะประเทศชาติไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของพันธมิตร ถ้ายังเคลื่อนไหวอยู่อย่างนี้ จะทำให้ประเทศชาติขาดความเชื่อถือจากนักลงทุน ฯ เขาจะย้ายฐานการลงทุนไปสู่ที่อื่นหมดแล้ว ประเทศชาติจะเหลืออะไรอีกต่อไป

  2. พันธมิตร ฯ บางคน ประธานที่ปรึกษาพรรคสนับสนุนให้เคลื่อนไหวได้เพราะอดีตเคยเป็นพันธมิตร ฯ แม้จะเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมสามารถทำได้ แต่ที่ผ่านมาทำให้นำไปสู่การปฏิวัติ แสดงว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้หวังผลให้นำไปสู่การปฏิวัติอีกใช่หรือไม่??? แทนที่ประธานที่ปรึกษาพรรคและหัวหน้าพรรคจะยับยั้งกลับส่งเสริมซะนี่ จะไม่เป็นการสนับสนุนการปฏิวัติ (และเผด็จการ) หรือครับ

  3. พันธมิตรบางคน / เลขากรป. ก็อีกคนทำอะไรไว้ที่บ้านเกิด อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกต ชาวราศีไศลเขาคิดถึง โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง โดยขาดน้ำอุปโภคบริโภค ได้ดิบได้ดีขี่รถยุโรป อย่าลืมบ้านเกิดเด้อ

  1. นายยุทธพงค์ จรัสเสถียร ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เข้าให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีรถดับเพลิง / เรือดับเพลิง ซึ่งมีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. เป็นประธานอนุกรรมการ ฯ นายยุทธพงค์ จรัสเสถียร ยืนยันคำให้การที่เคยให้ไว้ต่อ DHI และกล่าวว่าเป็นผู้ร้องเรียนเป็นคนแรกเพราะเห็นความผิดปกติของสัญญา และท้วงติงตลอดเวลา นายยุทธพงค์ ฯ กล่าวว่านายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าในขณะนั้นลงนามในสัญญา เมื่อ 21 ส.ค. 47 แต่สัญญายังไม่สมบูรณ์ เพราะเงื่อไขข้อ 9.1 ระบุว่าสัญญาจะเกิดขึ้นหรือไม่อยู่ที่ LC ถ้าไม่เปิด LC สัญญาก็ไม่สมบูรณ์

  2. เมื่อต้นกันยา 47 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าและเปิด LC เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 48 ทั้งที่ผู้บริหารพรรคขอให้ยับยั้งไว้ก่อน แสดงว่านายอภิรักษ์ ฯ เปิด LC โดยพละการอย่างนั้นสิ !! เป็นไปได้หรือ เพราะนายอภิรักษ์ เป็นถึงรองหัวหน้าพรรค

  3. นายนาม ยิ้มแย้ม ยันยัน นอนยันว่า นายอภิรักษ์ ผู้ว่า ฯ ไม่ผิด แม้ได้เปิด LC แล้วก็ตาม แต่ได้กลับลำชี้มูลความผิดนายอภิรักษ์จนทำให้นายอภิรักษ์แสดงสปิริต ยุติบทบาทผู้ว่า ฯ เขียนใบลาพักร้อน 30 วัน โดยไม่บอกเหตุผล แต่ออกมาแถลงข่าวร่วมเกี่ยวกับนายอภิสิทธิ์หัวหน้าพรรค ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้ชื่นชมนายอภิรักษ์ ในการแสดงสปิริตครั้งนี้ จนมีคำถามตามมาว่า “เอาม้าไปแลกกับขุนหรือเปล่า” มาจนถึงขณะนี้แล้วพรรคประชาธิปัตย์จะยังดึงดันต่อไปอีกหรือครับ? ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเป็นสิ่งตัดสินดีกว่า !!




ข้อมูลหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ฉบับรายวัน ศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551 หน้า 19 (เด็กปชป.ชี้คดีรถดับเพลิง / เรือดับเพลิง ทุจริตชัด)




  1. พันธมิตรควรอ่านและนำไปพิจารณาซะดี ๆ เพราะพวกคุณมีส่วนอยู่ในสถานนั้นด้วยเช่นกัน พวกคุณทำให้สถานการณ์ สุกงอม นำไปสู่การปฏิวัติ ห้ามปฏิเสธนะครับ เพราะประชาชนไม่เชื่อพวกคุณอีกต่อไป

  2. ท่านอดีตประธานคมช. พูดชัดเจน ถ้าไม่ปฏิวัติ จะเกิดการนองเลือด เพราะประชาชนทั้งสองฝ่ายจะปะทะกัน แต่ถ้าท่านฉุกคิดนึกถึงกรรมการห้ามมวย ถ้ากรรมการบอก “ชก!” นักมวยจะชกกัน ถ้ากรรมการบอก “แยก!” นักมวยจะแยกจากกัน ถ้าบอก “หยุด!” นักมวยหยุดชกกัน การสกัดกั้นประชาชนไม่ให้มาร่วมชุมนุมท่านสามารถทำได้แต่ไม่ทำ ท่านเลือกใช้วิธีปฏิวัติ เพราะท่านอาจมีวาระซ่อนเร้น ดั่งคำพูดของท่าน “ถ้าย้อนอดีตได้จะไม่ให้ พล.อ. สุรยุทธ ฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านจะเป็นเสียเอง” ชัดเจนไหม ?? พวกพันธมิตรท่านทำเพราะตัวท่านเองแต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ไม่ใช่เพื่อพวกคุณ

  3. ข้อพิสูจน์ที่ท่านสามารถสกัดกั้นไม่ให้ประชาชนมาชุมนุม ช่วงที่นปก.ชุมนุมต่อต้านเผด็จการ ท่านสกัดกั้นประชาชนไม่ให้มาชุมนุมที่ท้องสนามหลวงร่วมกับนปก.โดยสั่งให้ตำรวจ ทหาร ตั้งด่านตรวจทุกเส้นทางที่มุ่งสู่กรุงเทพ ฯ จริงไหมครับท่าน ??? ทำไมท่านทำได้ล่ะ

  4. ในหนังสือ “ลับ ลวง พราง ปฏิวัติปราสาททราย” เป็นคำตอบสุดท้ายที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 49 , รัฐธรรมนูยปี 50 , องค์กรต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยคมช. น่าจะขาดความชอบธรรม โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับ 14 ล้านเสียง ท่านต้องมองด้วยความเป็นธรรม ในช่วงที่ลงประชามติ “รับร่าง” “ไม่รับร่าง” ประชาชนมีสิทธิ์ลงมติ 45 ล้านเสียง (ถ้าผิดขออภัยด้วย) รับร่าง 14 ล้านเสียง , ไม่รับ 10 ล้านเสียง รวม 24 ล้านเสียงอาจอยู่เฉย ๆ ไม่ลงคะแนน (พลังเงียบ) 21 ล้านเสียง

สรุป


  1. รับร่าง 14 ล้านเสียง

  2. ไม่รับ 10 ล้านเสียง

  3. พลังเงียบ / อยู่เฉย 21 ล้านเสียง

  4. ข้อ 2 + ข้อ 3 เท่ากับ 31 ล้านเสียง จริงไหมครับ ห้ามกล่างถึงอีกต่อไป

  1. พรรคที่ได้เสียงข้างมากเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขาดความชอบธรรม และพรรคไหนล่ะที่มีความชอบธรรม อย่าอ้างว่าพรรคที่ได้เสียงข้างมากเพราะชื่อเสียง เพราะการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเป็นของคู่กันกับการเลือกตั้งทุกระดับของการเมืองไทย จนพูดกันติดปาก “เงินไม่มากาไม่เป็น” คนไม่ขายเสียงขออภัยไว้นะที่นี้ด้วย
  2. รัฐธรรมนูญบางฉบับเปิดโอกาสให้คนนอกเป็นนายก ฯ ได้ แต่ถูกต่อต้านจนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และเกิดวีระบุรุษประชาธิปไตยทั้งที่วีระบุรุษประชาธิปไตย ไปเชิญคนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันนายก ฯ มาจากการเลือกตั้ง แต่มีมือที่มองไม่เห็นมองว่าขาดความชอบธรรม พยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัด สับสนจริง ๆ
  3. สับสนมากที่สุด องค์กรที่เกิดขึ้นช่วงปฏิวัติ มีความชอบธรรมทั้งๆที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย และขาดโอกาสแข่งขันในเวทีโลก การปฏิวัติครั้งนั้นได้รับความชื่นชมจากประชาชนกลุ่มหนึ่งที่นิยมเผด็จการ และสนับสนุนการปฏิวัติ อย่าลืมว่าการปฏิวัติใช้กับประเทศที่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน และการปฏิวัติถ้าชนะคือถูกต้องแต่ถ้าแพ้คือกบฏ
  4. มือที่มองไม่เห็นและคอยซ้ำเติมประเทศไทย ควรยุติได้แล้วครับ กรรมมีจริงนะครับไม่ต้องรอชาติหน้า จะสนองทันทีในชาตินี้ เรียกว่า “กรรมติดจรวด”

  1. คนมีสี 3 คน คนแรกสีขาว , อีกคนสีดำ , คนที่ 3 สองสี พลตรีสนั่นครับอยากรู้ว่าใคร หรือใครรู้ช่วยบอกที ถ้าสั่งการอยู่เบื้องหลังจริงควรยุติได้แล้ว สงสารประเทศไทยและประชาชน ถ้าเริ่มต้นใหม่เพราะอุบัติเหตุทางการเมือง ที่ผ่านมาประเทศสูญเสียงบประมาณไปเท่าไหร่ คร่าว ๆ นะ ปฏิวัติใช้เงินประมาณ 2 - 3 พันล้าน ลงประชามติประมาณ 2 พันล้านบาท เลือกตั้งสส.ประมาณ 2 พันล้าน เลือกตั้งสว.ประมาณ 2 พันล้าน ช่วงที่บริหารประเทศโดยรัฐบาลขิงแก่ ใช้เงินงบประมาณต่อสู้ค่าเงินบาทแข็ง ประมาณ 1 แสนล้านบาทเป็นอย่างน้อย เงินตอบแทนองค์กรต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาต่าง ๆ กกต. คตส. ฯลฯ คิดเป็นเงินเท่าไหร่ ที่กล่าวมาเป็นเงินภาษีของประชาชนชาวไทยตาดำ ๆ ทั้งนั้น สงสารพวกเขาเถิด
  2. หนึ่งเฒ่าในกกต. ก็อีกคน ผมยอมรับในความซื่อสัตย์ยึดหมั่นในกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 237 แต่ในความซื่อสัตย์นั้นท่านอาจผิดพลาดได้ใครจะรู้ เพราะท่านยึดมั่นในหลักฐานพยานตัดสิน พยานหลักฐานที่ท่านได้รับ ท่านได้จากกกต.จังหวัด ถ้ามีการกลั่นแกล้งกันหล่ะจะทำอย่างไรให้ใบแดงไปแล้ว ถ้าเป็นกรรมการบริหารพรรคถึงขั้นยุบพรรค ท่านอ้างว่าไม่ได้จบที่กกต. แต่ไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญต้องตัดสินตามพยานหลักฐานที่กกต.เสนอไปมิใช่หรือ สมมติว่าผิดแล้วถูกยุบพรรค แต่ภายหลังพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร ตัวอย่างเคยมีกรณีเชอรี่แอน และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็กรณีตำรวจยัดยาบ้าผู้ต้องหา และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ (ขอโทษที่ถ้าไม่ใช่ท่าน) บอกว่าขณะนี้นักโทษที่ถูกตัดสินจำคุกประมาณ 7 - 8 พันคน คือผู้บริสุทธิ์ ใครรับผิดชอบคนเหล่านั้น ก็เพราะตัดสินตามพยานหลักฐานจริงไหมหล่ะท่าน
  3. เฒ่าประสงค์ ฯ ถ้าปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ก็ควรยุติบทบาทได้แล้วครับ อยู่ให้คนสรรเสริญดีกว่าให้ลูกหลานสาปแช่ง หรือแค้นนี้ฝังลึกยากจะถอน ตายเมื่อไหร่ค่อยเลิกกันอย่างนั้นหรือ ส่วนอีกเฒ่าหนึ่ง ประธานที่ปรึกษาพรรคเช่นกัน ออกมาโจมตีพรรคการเมืองอื่นเขา หาว่าถ้าบริสุทธิ์จริงมิได้ทำผิด ไม่ซื้อสิทธิ์ซื้อเสียงไม่ต้องกลัว ที่คนเขากลัวนั้นเพราะกกต.จังหวัดเป็นคนที่ภายใต้การกำกับดูแลของคมช.ใช่ไหมครับท่าน แต่งตั้งโดยคมช.อีกต่างหาก ตัวอย่างมีให้เห็น ทุกวันนี้เพชรบูรณ์เงินล้านกว่าบาท คดีหลุดอย่าปาฏิหาริย์ ถ้าเป็นพรรคอื่นเรียบร้อยโรงเรียนกกต.ไปแล้ว และเป็นที่น่าสังเกตว่าพรรคเก่าแก่ลงเลือกตั้งภายใต้เจตนารมย์ของคมช. ที่ต้องการให้เป็นรัฐบาล คมช.มัดมือมัดเท้าพรรคอื่นให้ชกอยู่ข้างเดียวแต่ไม่ชนะ ถ้าทำตัวอยู่อย่างนี้คงเป็นฝ่ายค้านถาวรชัวร์!! อยากเป็นรัฐบาล พยายามคิดค้นนโยบายที่โดนใจชาวบ้าน และเป็นรัฐบาลชัวร์เช่นกัน !



วันนี้เห็นคุณประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาสัมภาษณ์โจมตีนายกรัฐมนตรี ทำให้นึกถึงการลงประชามติรับร่าง ฯ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ผลการลงประชามติเห็นชอบ 14 ล้านเสียง ไม่เห็นชอบประมาณ 10 ล้านเสียง ทำให้คุณประสงค์มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง อยากเรียนถามคุณประสงค์ดังนี้


  1. สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 101 คน และคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน แต่งตั้งโดยคมช. ใช่หรือไม่ ถ้าใช่แสดงว่าคุณยอมรับเผด็จการและร่าง ฯ ภายใต้การชี้นำของคมช.ใช่ไหม

  2. การลงประชามติรับร่าง ฯ มีประชาชนได้อ่านรัฐธรรมนูญฉบับนี้และศึกษาข้อดี - ข้อเสียกี่คน อย่ามองลงไปที่ประชาชนเลย แม้แต่ข้าราชการเองก็มีไม่กี่คน หรือข้าราชการจะเถียง?

  3. การรณรงค์รับร่าง ฯ ส่วนราชการทุกส่วนทุ่มเทอย่างเต็มที่โดยเฉพาะคมช. ได้สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับทำการปฏิบัติการจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์อย่างเต็มความสามารถ ถ้าพื้นที่ใดผลออกมาสีแดง ผู้บังคับหน่วยจะต้องรับผิดชอบ ช่วงนั้นผู้บังคับหน่วยเกิดอาการผวากันทั่วหน้า

  4. รัฐธรรมนูญฉบับนี้มาตรา 309 ได้รับการวิพากษ์จากนักนิติศาสตร์อย่างก้างขวางโดยกล่าวว่าคงต้องไปเขียนตำราใหม่ แล้วจะไปสอนลูกศิษย์อย่างไรเพราะมันขัดหลักสากล (ห้ามอ้างว่านี่ประเทศไทยเพราะรัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับแรกเกิดจากนักเรียนนอกร้อนวิชา โดยเฉพาะคณะราษฎร์ที่ทำการปฏิวัติ 2475)

  5. ประชาชนส่วนใหญ่ที่รับร่างเพราะต้องการให้เผด็จการจากไปโดยเร็ว แล้วค่อยมาแก้ไขกันภายหลังหรือคุณประสงค์ สุ่นศิริ จะเถียง!! ทุกวันนี้นักการเมืองต้องการแก้ไข ฯ ประชาชนต้องการแก้ไข ฯ ใช้ไปซักระยะต้องแก้ไขอย่างแน่นอน ถ้าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีทำไมประชาชนทุกภาคส่วนประสานเสียงต้องการแก้ไข

  6. ถ้าตัวผมเป็นคุณประสงค์ สุ่นศิริ ผมต้องแทรกแผ่นดินหนี คงไม่ต้องมาปรากฏตัวต่อสาธารณะเพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่มีคุณเป็นประธานคณะกรรมการยกร่าง ฯ (อย่างอ้าง 14 ล้านเสียง ถ้าเป็นฉบับที่ดีประชาชนทุกภาคส่วนคงไม่ประสานเสียงแก้ไข)




วันก่อนรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ. ดร. เฉลิม อยู่บำรุงเดินทางไปรับฟังสถานการณ์ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (แต่ไร้เงารัฐมนตรีเงา กระทรวงมหาดไทย คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ???) ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เฉลิม ฯ ได้เดินทางไปพบ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หน.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแสดงความยินดีที่ได้รับโปรดเกล้า ฯ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน และขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านจะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา วันที่รัฐมนตรีเฉลิม ฯ ไปวันนั้นทำไมไม่ชวนรัฐมนตรีเงาไปด้วย ถ้าไปด้วยกันนภาพออกมาจะเป็นที่ชี่นชมของคนทั้งประเทศ เป็นมิติใหม่ของการเมืองไทยว่า ต่อแต่นี้ไปช่วงเลือกตั้งก็ต่อสู้ด้วยนโยบายกันเต็มที่ หลังเลือกตั้งก็เลิกแล้วต่อกัน ต่างทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด โดยยอมรับฉันทานุมัติของประชาชน


อย่าลืมว่าวันก่อนรัฐมนตรีเงาบอกให้รัฐมนตรีจริงไปดูแลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ต้องกลัวตาย ถ้าตายจะสร้างอนุสาวรีย์ให้ รัฐมนตรีเฉลิม ฯ น่าจะชวนรัฐมนตรีเงา สุเทพ ฯ ไปด้วยเพื่อเป็นเกราะป้องกัน เพราะเป็นพื้นที่อิทธิพลของรัฐมนตรีเงาสุเทพ ฯ คงไม่มีใครคิดปองร้าย พันเปอร์เซนต์ !! รัฐมนตรีเฉลิม ฯ ครั้งต่อไปอย่าลืมนะครับ


เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 ที่รัฐสภา คุณสุเทพ ฯ ตั้งคำถาม ถามนายกรัฐมนตรีว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใครรับผิดชอบระหว่าง นายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ท่านนายก ฯ ตอบว่า “ตัวท่านเอง” ไม่เข้าใจว่าทำไมถามอย่างนั้น เพราะหลักการบังคับบัญชา “ผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดและชอบในภารกิจที่สำเร็จหรือล้มเหลว ” ไม่ใช่รับแต่ชอบ ไม่ยอมรับผิด ตามหลักการนี้ นายก ฯ รับผิดชอบปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้พันเปอร์เซ็นต์ !


แต่นักการเมืองบ้านเราส่วนมากจะไม่รับผิดชอบ เพราะมีข้าราชการเป็นผู้รับผิดแทน จริงมะ หรือนักการเมืองท่านใดจะเถียง ?

พันธมิตรต้องการอะไรแน่ ?

  1. คุณต้องการล้มระบอบทักษิณ (ไม่มีในระบอบการเมืองการปกครองประเทศไทย) คุณได้มีการชุมนุมจนบรรลุผลสำเร็จ นำไปสู่การปฏิวัติฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ประชาชนภาคภูมิใจ ทำให้อดีตนายกทักษิณต้องพำนักอยู่ต่างประเทศปีกว่า หลังจากการปฏิวัตินำมาสู่รัฐบาลที่อยู่ภายใต้การกำกับของคมช. ช่วงนั้นคุณเห็นอยู่ว่าทำให้ประเทศไทยถอยหลัง การพัฒนาทุกด้านแทบจะหยุดชะงัก กลไกในการปกครองประเทศช่วงนั้นคมช.เป็นผู้กำหนดทั้งสิ้น ไม่ว่าสนช. องค์กรอิสระต่าง ๆ มุ่งทำลายบุคคลคนเดียว คุณสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว แสดงว่าเห็นด้วยกับคมช.อย่างเต็มที่
  2. พรรคไทยรักไทย ถูกยุบไปกรรมการของพรรค 110 คน ถูกเว้นวรรค 5 ปี อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย ได้รวมตัวตั้งพรรคใหม่ ภายใต้ชื่อ “พรรคพลังประชาชน” บางกลุ่มไปตั้งพรรคใหม่เช่น พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัฌชิมา เป็นต้น เจตนารมณ์ของหัวหน้าคมช. ต้องการสลายพรรคไทยรักไทย ต้องการให้พรรคฝ่ายตรงข้ามไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาลตามแผนบันได 4 ขั้น ซึ่งก็คงเป็นไปตามที่พันธมิตรต้องการมิใช่หรือ
  3. หลังการเลือกตั้งเมื่อ 23 ธันวาคม 2550 ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 พรรคพลังประชาชน ฝ่าด่านอรหันต์ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นรัฐบาลผสม ซึ่งไม่เป็นผลดีแก่การบริหารประเทศ (ถ้าพรรคพลังประชาชนไม่ถูกอำนาจรัฐสกัดกั้น คงได้คะแนนอย่างถ่วมท้น สามารถจัดตั้งรัฐบาลเดียวได้) อันนี้ใช่หรือไม่ที่พวกคุณไม่พอใจ
  4. อดีตนายกทักษิณกลับประเทศ เพื่อมาสู้คดีต่าง ๆ ที่คตส. ชี้มูลความผิด พันธมิตรเห็นด้วยมิใช่หรือ ให้อดีตนายกทักษิณมาต่อสู้ตามขบวนการยุติธรรม แต่พอมีการโยกย้าย ข้าราชการบางคนที่แต่งตั้งโดยคมช. และคืนความชอบธรรมแก่ข้าราชการที่ถูกโยกย้ายโดยไม่เป็นธรรม พวกคุณเริ่มเคลื่อนไหว เริ่มโจมตีว่าการโยกย้ายเพื่อเปิดทางให้อดีตนายกทักษิณต่อสู้คดีง่ายขึ้น เกรงว่าเช่นนี้มิเป็นการดูหมิ่นดูแคลนกระบวนการยุติธรรมหรือ อดีตนายกทักษิณจะถูกจะผิดควรให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน พวกคุณอย่าตัดสินเองเลย

    ที่กล่าวมาทั้งหมดมิใช่ความต้องการของพันธมิตรหรอกหรือ (ยกเว้นข้อ 3 เพราะเป็นความต้องการของประชาชนไม่ใช่ของพันธมิตร) แล้วพันธมิตรต้องการอะไรกันแน่ จะไม่ยอมรับฉันทานุมัติของประชาชนบ้างเลยหรือไร



นายอภิสิทธิ์ ฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โจมตีรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ว่าให้สนใจปัญหาภาคใต้ดีกว่าสนใจปัญหาผู้ว่ากรุงเทพมหานคร การกล่าวเช่น
นั้นถูกต้อง แต่ไม่ถูกทั้งหมด คุณอภิสิทธิ์ ฯ ลืมหรือแกล้งลืม เพราะปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาของคนทั้งชาติ ไม่ใช่เฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น คุณอภิสิทธิ์ ฯ มีส่วนร่วมด้วยในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่าลืมสิว่า พื้นที่ภาคใต้ทั้งหมดเป็นพื้นที่อิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์เพราะมีสส.มากที่สุด เกือบเหมาหมดทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งทั่วไปจริงไหม

อยากเรียนถามคุณอภิสิทธิ์ดังนี้


  1. ปัญหาการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องแก้ปัญหา ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านไม่สมควรก้าวก่ายอย่างนั้นเหรอ ข้อเท็จจริง สส.ของพื้นที่เป็นตัวแทนของประชาชน เพราะประชาชนให้ความไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ จะโดดเดี่ยวประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้เผชิญชะตากรรมโดยไม่ใส่ใจที่จะร่วมมืออย่างจริงจังกับรัฐบาลในการแก้ปัญหาเพราะเท่าที่ผ่านมามันส่อเจตนาเช่นนั้น

  2. สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่จะไม่ทราบเลยหรือว่ากลุ่มก่อการร้ายเป็นกลุ่มไหมบ้างโดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. สจ. สส. (รู้แต่ธุระไม่ใช่ หรือปากว่าตาขยิบ ระวังกรรมจะตามสนอง เพราะแสวงผลประโยชน์ทางการเมืองจากความทุกข์ทรมาณของประชาชน)

  3. สส.พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ลงพื้นที่เพื่อเยียวยาประชาชนร่วมกับรัฐบาลหรือ ลงไปพบประชาชนเฉพาะหน้าเลือกตั้งเท่านั้น

  4. อยากเห็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างพร้อมเพรียงเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน แต่คงยากใช่ไหม แต่ถ้าทำได้ประชาชนจะแซ่ซ้องสรรเสริญ



การปลุกระดมลัทธิภาคนิยม ?การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ที่ว่าการอำเภอเชียงใหญ่

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า“ พันธมิตร ต้องการล้มระบอบทักษิน ที่รักของ ภาคอีสาน ภาคเหนือ และ ภาคกลาง บางกลุ่ม และเป็นที่น่ารังเกียจของภาคใต้ อยากให้ทุกคนพร้อมกันไปล้มระบอบทักษิณอีกรอบ ยินดีต้องรับนักรบศรีวิชัย พันธมิตรลุ่มน้ำปากพนังจะรวมกันล้มผู้ชักใย และระบอบหุ่นเชิด” [ แหล่งที่มา :- หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน อังคารที่ 18 มีนาคม 2551 หน้า 3 คอลัมน์ วิภาคแห่งวิพากษ์ ]การกล่าวเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ เพราะ


  1. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ และพูดในที่ประชุมพรรค พรรคต้องรับผิดชอบหรือไม่ การพูดลักษณะเช่นนี้ เป็นการพูดเพื่อแบ่งภาคมิใช่หรือ

  2. ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลางบางกลุ่ม ที่ให้การสนับสนุนอดีตพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน เพราะมีความศรัทธาในนโยบายของพรรคดังกล่าวมิใช่หรือ นายสมเกียรติ จะคิดแทนประชาชนเหล่านี้หรือ

  3. การที่พรรคประชาธิปัตย์ เปิดไฟเขียวให้นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์รวมชุมนุมกับพันธมิตร โดยกล่าวอ้างว่า เป็นเรื่องส่วนตัว (น่าจะเข้ากรณี เอาม้าไปแลกกับขุนใช่หรือไม่)

  4. “ระบอบทักษิณในประเทศไทย ไม่มีมิใช่หรือ” มาตรา 2 รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกล่าวว่า ประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มาตราไหนบอกว่ามีระบอบทักษิณ

  5. การเคลื่อนของนายสมเกียรติรวมกับพันธมิตร เป็นการบั่นทอนการบริหารประเทศ , การพัฒนาประเทศและความเจริญก้าวหน้าของประเทศหยุดชะงักใช่หรือไม่

  1. พรรคไหนเคยจ้างคนไปตะโกนในโรงหนังว่านาย "..." ลอบปลงพระชนม์



  2. พรรคไหน ?? เวลาหาเสียงบอกว่า สมาชิกพรรคการเมืองหนึ่งพาคนไปตาย (สมัยหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป ทำให้พรรคนั้นเกือบสูญพันธุ์ ได้สส.เพียง 1 คน)



  3. พรรคไหนที่ไปดึงสมาชิกพรรคอื่นมาสนับสนุนจนได้เป็นรัฐบาล (เกิดกรณีงูเห่าหัวหน้าพรรคเป็นฝ่ายค้าน ลูกน้องเป็นรัฐมนตรี)



  4. พรรคไหนสนับสนุนมาตรา 7 ต้องการนายกพระราชทาน



  5. แม้ปัจจุบันยังเล่นการเมืองไม่หยุด (เอาม้าไปแลกขุน เพื่อเรียกร้องหาจริยธรรมของนักการเมือง) เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังเดินหน้า เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของชาติ โดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แสดงว่าดูถูกประชาชน



  6. พรรคไหนนโยบายสู้พรรคอื่นไม่ได้ พ่ายแพ้การเลือกตั้ง และกล่าวหาพรรคอื่นซึ่งได้รับชัยชนะว่าซื้อเสียง (เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคที่ได้รับชัยชนะ ประชาชนเชื่อมั่นในนโยบายของพรรค แม้พรรคจะถูกสกัดทุกวิถีทางจากอำนาจรัฐ แต่ประชาชนศรัทธาจึงเทคะแนนให้และได้รับชัยชนะในที่สุด)






โอกาศหน้าค่อยมาพบกันใหม่



สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)