ติดตามการปราศรัยหาเสียงของพรรคเก่า (น่าจะเก่าเก็บ) จะทุ่มเทโค้งสุดท้ายเพื่อใช้ทีเด็ดน็อกคู่ต่อสู้ให้จงได้ จะสำเร็จหรือไม่ กับมุขเก่า ๆ ใส่ร้ายป้ายสีพรรคคู่แข่ง โค้งสุดท้ายที่แยกราชประสงค์ก็แป็กมาแล้ว โค้งท้ายสุดวันที่ 1 ก.ค.54 ก็คงแป็กอีกเช่นเคย กรวุฒิประเมินว่าน่าจะแหกโค้งมากกว่าเพราะ
1. 91 ศพ บาดเจ็บร่วม 2000 ไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนให้กับประชาชนได้ จนล่วงเลยมาปีกว่าแล้ว
2. คำยืนยันจาก “หัวหน้าควง” ตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ ของศูนย์พัฒนาหลักนิยมและยุทธศาสตร์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ปีที่ 59 ฉบับที่ 3 ก.ย. – ธ.ค. 2553 นำเสนอโดยมติชน ฉบับวันจันทร์ที่ 27 มิ.ย. 2554 รายละเอียดหาอ่านเอาเอง กรวุฒิสรุปสั้น ๆ ในความสำเร็จของการกระชับวงล้อม กล่าวคือ นโยบายรัฐบาลชัดเจนที่จะใช้กำลังทหารจัดการกับม็อบ , ควบคุมการติดต่อสื่อสารทุกระบบ และใช้ภาษากระชับวงล้อมแทนการล้อมปราบประชาชน ทำให้ดูดีในสายตาประชาชน ส่วนการปฏิบัติการกระชับวงล้อมใช้หน่วยสไนเปอร์ยึดพื้นที่สูงข่มบนอาคารต่าง ๆ รอบบริเวณแยกราชประสงค์ ก่อนใช้กำลัง 3 กองพลทหารราบ และ 1 กองพลทหารม้า ปฏิบัติการรบในเมืองเต็มรูปแบบ โดยอ้างการข่าวว่ามีผู้ก่อการร้ายแฝงอยู่ในผู้ชุมนุม 500 คน มีพลชุ่มยิง มีอาวุธครบมือ ทั้ง M-79, M-16, AK-47 และ Tavor-21 ถ้ามีจริงดังว่าทหารน่าจะตายเป็นเบือ แต่นี่มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ตายโดยปราศจากอาวุธ ทุกคนที่ตายมือเปล่าทั้งนั้น นอกจากนี้ยังมีหน่วยทหารเรือและทหารอากาศให้การสนับสนุน ภารกิจกระชับวงล้อมครั้งนี้รัฐบาลยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ
3. ข้าวยากหมากแพงสร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า
4. ระบบสองมาตรฐานที่ปฏิบัติต่อประชาชนคนไทย พวกกูปฏิบัติอย่าง พวกคนอื่นปฏิบัติอย่าง
ที่กล่าวข้างต้น 4 ข้อ คือ เหตุผลที่ทำให้พรรคเก่าแก่พรรคนี้แหกโค้งแน่ จริงมะ

วันนี้ เปิดปราศรัยที่แยกราชประสงค์ จะมีเจตนาดีหรือเจตนาร้ายอย่างไร เชิญตามสบาย เพราะประชาชนส่วนใหญ่เขาเลือกข้างแล้ว มีคำตอบอยู่ในใจ ตั้งแต่กระสุนนัดแรกดังขึ้นที่ราชดำเนิน ต่อเนื่องถึงราชประสงค์ ทำให้ประชาชนบาดเจ็บ ล้มตายเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นประชาธิปไตย (ประชาธิปไตยจอมปลอม ตั้งแต่ปี 75 – ปัจจุบัน) การอ้างว่ามีข้อมูลใหม่ใครเผาเมือง ใครเข่นฆ่าประชาชน ใครคิดล้มเจ้า คำถามเหล่านี้ประชาชนเขาตาสว่างทั้งแผ่นดินแล้ว และมีคำตอบไม่ต้องชี้นำ ประชาชนจะให้คำตอบในวันที่ 3 ก.ค. 54 แน่นอน

แต่ … จะมีอะไรแอบแฝงในการปราศรัยครั้งนี้หรือไม่ ประชาชนเขาจำตาดูแทบไม่กระพริบ เหตุการณ์จะเรียบร้อยหรือเลวร้าย ประชาชนไม่เกี่ยว ผู้จัดปราศรัยต้องรับผิดชอบไปเต็ม ๆ เพราะมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ดูแลให้ดีนะครับ ก่อนจาก … กรวุฒิฝากสักนิด มุขนี้ปี 35 ใช้ได้ผล แต่วันนี้ระวังจะแพ้ภัยตัวเอง เพราะประชาชนเขาดู เขารู้ เขาเห็น ใครทำอะไรกับประชาชนไว้ก็รับผลแห่งการกระทำนั้นเถิด สาธุ สาธุ สาธุ …

กรวุฒิ จับกระแสพรรคเก่าแก่ งัดมุขเดิม ๆ มาใช้อีก โดยย้อนศรคนเสื้อใช้เวทีราชประสงค์ เปิดเผยข้อเท็จจริงใครเผาบ้านเผาบ้าง ใครผู้ก่อการร้าย มุขนี้เคยใช้เมื่อปี 35 “จำลองพาคนไปตาย” จนชนะการเลือกตั้ง แต่ปีนี้ พ.ศ.นี้ ประชาชนเขาตาสว่างทั้งแผ่นดิน เพราะสื่อต่าง ๆ ฟ้องให้เห็นคาตา ยากลบเลือนไปจากความทรงจำ ก่อนใช้มุขนี้อยากถามตรง ๆ

1. เหตุการณ์ใช้กระสุนจริง อันนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเป็นประวัติการณ์
2. 6 ศพ ในวัดประทุมวนาราม สื่อก็นำเสนอให้เห็นแบบจะ ๆ ยากจะปฏิเสธจริงมะ ทหารอยู่บนรางรถไฟ สุขสบายดีหรือ
3. ภาพทหารสองนาย คนหนึ่งใช้กล้องส่องทางไกลค้นหาเป้าหมาย อีกคนหนึ่งใช้ปืน M-16 ติดกล้อง พอเจอเป้าหมาย ชัดเปรี้ยง คนค้นหาเป้าหมายรายงานว่า “ถูกแล้วอย่ายิงซ้ำ” แต่คนยิงคงมันเขี้ยว หรือเห็นคนเป็นผักเป็นปลาเลยยิงซ้ำไปอีก
4. คดียิงเสธ.แดง คดีไปถึงไหน ถ้าคดีไม่จบทายาทก็อดเงินค่าตอบแทน ถ้าจำหน่ายว่าเสธ.แดงเป็นผู้ก่อการร้าย ทายาทก็จบเห่เท่านั้นเอง
5. ประชาชนตาย 91 ศพ บาดเจ็บร่วม 2000 คน ผลงานของใครครับ
กรวุฒิถามแค่นี้ ถ้าตอบปัญหาไม่ชัดเจน แนวร่วมมุมกลับจะยิ่งเพิ่มขึ้น ๆ เพราะประชาชนตาสว่างและเชื่อข้อมูลว่าเป็นฝีมือใคร จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ข้างต้นดังกล่าว ประชาชนเชื่อว่าถ้ารัฐบาลกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ก็คงเข่นฆ่าประชาชนอีกเช่นเคย ประชาชนจึงต้องการเปลี่ยนถ่าย เขาจึงเทคะแนนให้พรรคเพื่อไทยไงล่ะตามผลสำรวจ โพลต่าง ๆ ไงครับ

กรวุฒิเฝ้าติดตามพฤติกรรมพรรคนี้ ตั้งแต่ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่ และแล้วพฤติกรรมเดิม ๆ ของพรรคนี้ก็ไม่ผิดคานดจริงไหมครับพ่อแม่พี่น้อง กรวุฒิจะทบทวนความทรงจำดังต่อไปนี้

1. เริ่มขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของฝ่ายตรงข้ามทันที อาทิ เรื่องสามี และบุตร เป็นต้น แต่ลืมนึกไปว่าในพรรคตนเองผู้อาวุโสบางคนก็เป็นเช่นนี้
2. เริ่มโจมตีฝ่ายตรงข้ามว่าเผาบ้านเผาเมือง เป็นผู้ก่อการร้าย อำนาจอยู่ในมือแท้ ๆ แต่ไม่สามารถ จำมือใครดมได้สักคน โดยเฉพาะชายชุดดำ ที่รัฐบาลบอกว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธของคนเสื้อแดง การกล่าวโจมตีเช่นนี้ ทำให้นึกถึงคำพูดที่ว่า “จำลองพาคนไปตาย” ช่วงเลือกตั้งปี 35 แต่ปี 54 จุดไม่ติดเพราะข้อมูลต่าง มันตำตาอยู่โทนโท่ หลักฐานไม่ว่าสื่อไทยสื่อเทศ เป็นพยานเด็ดมัดแน่นหนาว่าใครคือคนฆ่าประชาชน ตัวจริงเสียงจริง

3. ใช้สื่อ, กลไกอำนาจรัฐเต็มรูปแบบเพื่อสกัดฝ่ายตรงข้ามเหมือนปี 50 เปะ แต่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แพ้หมดรูป เพราะโพลต่าง ๆ ให้เพื่อไทยชนะขาด ตายแน่ ๆ จะทำอย่างไรดี หันหน้าหลังนึกได้ว่าตูมีกองกำลังติดอาวุธถูกต้องตามกฎหมาย ใช้บริการกองกำลังนี่แหละดี แต่กรวุฒิกระตุกขาไว้ อย่าได้ริทำเด็ดขาด นาทีนี้ไม่มีใครกลัวใครแล้วครับ ไม่เชื่อลองดู

4. พฤติกรรมเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นถนัดนัก เช่น หุ้นตก เพราะนักลงทุนกลัวเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โยนความผิดเรื่องหุ้นใส่พี่น้องตระกูลชินวัตร ที่ร้ายมาก ๆ คือ กล่าวหาว่าแดงฆ่าแดง ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนคิด แล้วเรื่องข้าวยากหมากแพงโทษใครหล่ะ คงโยนไปที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำกระมัง
แค่น้ำจิ้มเล็ก ๆ น้อย ๆ จากกรวุฒิ เตือนความทรงจำเท่านี้เองแหละครับ

สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)